“ตอนม.4 ติดเพื่อนมาก เที่ยวกลางคืน ไว้ผมยาว เข้ากลุ่มเด็กแว้น ต่อยตี เอาหมด แต่มีปณิธานที่ตั้งไว้ คือ บุหรี่และยาเสพติดไม่ยุ่ง และจะไม่สร้างปัญหาจนโดนเชิญผู้ปกครอง”
เรื่องราวของ “ตัวตึง” สุดในกลุ่ม ที่มีวัยเด็กสุดเฮี้ยว ทั้งโดดเรียน ทั้งแว้น หรือแม้กระทั่งต่อยตี แต่ด้วยมี “เมล็ดพันธุ์” ของความ “รักดี” และยังมีผู้คนรอบข้างให้โอกาส ทำให้เขาสามารถเดินมาถึงจุด “ทำตามความฝัน” ได้แล้ว อย่างสมภาคภูมิ
หมอเบียร์ – นายแพทย์นเรนทร์ฤทธิ์ ฤทธิยา คือ เจ้าของเรื่องราวที่เกริ่นมาข้างต้น เขาเป็นศิษย์เก่าคณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยรังสิต ที่วันนี้แม้จะมีภารกิจหลายบทบาทรัดตัว แต่ยังกรุณาสละเวลามาพูดคุยกันด้วยอัธยาศัยเป็นกันเอง
“ปัจจุบันอายุ 37 ปีกว่าๆ พื้นเพเป็นคนสงขลา จบมัธยมฯ จากโรงเรียนประจำจังหวัด ก่อนสอบติดคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ ช่วงนั้นหนักทั้งการเรียน ทั้งทำกิจกรรม แต่ยังสอบได้ที่ 1 ของคณะ เลยได้รับข้อเสนอให้รับทุนครูพันธุ์ใหม่ แต่ถ้าเรียนจบแล้วต้องกลับมาเป็นอาจารย์ ซึ่งไม่อยากเป็น จึงลาออกจากม.ทักษิณ ก่อนมาสมัครเรียนคณะเทคนิคการแพทย์ ที่ม.รังสิต ตามคำแนะนำจากท่านอาจารย์ที่ปรึกษา”หมอเบียร์ เริ่มต้นให้ฟัง อย่างนั้น
ก่อนเล่าประวัติวัยเด็กของเขา ชนิดคนฟังถึงกับไม่เชื่อหู
“ตอนม.4 ติดเพื่อนมาก เที่ยวกลางคืน ไว้ผมยาว เข้ากลุ่มเด็กแว้น ต่อยตี เอาหมด แต่มีปณิธานที่ตั้งไว้ คือ บุหรี่และยาเสพติดไม่ยุ่ง และจะไม่สร้างปัญหาจนโดนเชิญผู้ปกครอง”
แล้วอะไรคือจุดเปลี่ยน ของช่วงวัยว้าวุ่นนั้นหมอเบียร์ ย้อนเหตุการณ์ที่จำไม่ลืม ให้ฟัง
“ตอน ม.5 อาจารย์ท่านหนึ่ง จะให้เกรด 0 เพราะท่านไม่เคยเจอหน้า และเราไม่เคยเข้าเรียน ซึ่งตอนนั้น ได้ 49 คะแนน เหลืออีก 1 คะแนนจะผ่าน ท่านบอกว่าไม่ช่วยเพราะเราโง่และไม่เจียม จนเพื่อนหัวเราะกันทั้งห้อง จำได้ว่าน้ำตาหมอไหลพราก อายที่สุด แต่รู้สึกว่าตัวเองไม่ได้แย่ขนาดนั้น เลยปรับปรุงตัวเองใหม่ ตั้งใจอ่านหนังสือ จนสอบได้ที่ 1 จนถึงม.6 และสอบเอนทรานซ์ติด”
พอมาเรียนเทคนิคการแพทย์ ม.รังสิต คงเลิกเกเร แล้ว หมอเบียร์ ยิ้มกว้าง ก่อนบอก
“ยังเกเรไปตามประสาตามวัย แต่ทำกิจกรรมจนได้เป็นนายกสโมสรนักศึกษาเทคนิคการแพทย์ และตั้งใจเรียนไม่ให้เกรดเฉลี่ยไม่ตก เพราะที่ม.รังสิต มีระบบส่งผลสอบไปให้ที่บ้าน เลยตั้งใจเรียน ได้เกรด B ตัวเดียว นอกนั้นเกรด A หมด พอส่งผลสอบไป พ่อแม่หน้าบาน ชื่นใจในตัวเรา”
ใช้เวลาเรียน 4 ปี จากคณะเทคนิคการแพทย์ ม.รังสิต จนได้ดีกรีปริญญาตรี สมความตั้งใจ ราวปี 2551 หมอเบียร์ ได้เข้าทำงานในบริษัทด้านเครื่องมือแพทย์ชื่อดัง รับเงินเดือนกว่า 30,000 บาท ซึ่งถือว่าไม่น้อยเลยทีเดียวสำหรับยุคนั้น
ระหว่างทำงานประจำและกำลังเก็บเงินเก็บทองส่งเสียให้กับครอบครัวอย่างต่อเนื่อง หมอเบียร์ ได้รับคำ ชักชวนจากเพื่อน ให้ไปสอบเข้าเรียนแพทย์ในมหาวิทยาลัย ที่ประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นระบบให้คนที่จบปริญญาตรีแล้ว ถึงจะสอบเข้าเรียนแพทย์ได้
ใช้เวลาเรียนแพทย์ที่ฟิลิปปินส์ 4 ปี จบหลักสูตรแล้ว กลับมาเรียนต่อในเมืองไทยอีก 2 ปี ก่อนสอบใบประกอบโรคศิลปะ จนผ่านการอนุมัติจากแพทยสภา ได้ในที่สุด
เป็นแพทย์เวชกรรมอยู่พักหนึ่ง เกิดจุดเปลี่ยน ทำให้ต้องไปศึกษาต่อเฉพาะทางด้านเวชกรรมความงาม
“ด้วยภาระและเวรการทำงานของหมอเวชกรรม หลายครั้งไม่สัมพันธ์กัน ช่วงทำงานมากๆ ขับรถแล้วหลับใน คุณแม่เลยขอว่าให้เปลี่ยนสายงานที่ทำ เพราะกว่าจะส่งเสียเราเรียนจบเขาเหนื่อยมาก ถ้าเราเป็นอะไรไปเขาไม่โอเค เลยตัดสินใจเปลี่ยนมาเรียนเฉพาะทางด้านเวชกรรมความงาม” หมอเบียร์ เผยจุดหักเหในหน้าที่การงานครั้งนั้น
กระทั่งราวปี 2560 นเรนฤทธิ์ คลินิกเวชกรรมความงาม สาขาแรก ตัวอำเภอเมือง จังหวัดสงขลา ก็เปิดให้บริการ ต่อมาอีก 3 ปี มีอีกหนึ่งสาขาในพื้นที่เดียวกัน ระหว่างนั้นเปิดโรงงานเครื่องสำอาง ผลิตเองและมีแบรนด์ออนไลน์ด้วย และล่าสุดมีร้านเสริมสวยต่อขนตา สปาเล็บอีก 2 สาขา
ทำไมถึงทำงานได้หลายอย่าง หมอเบียร์ บอก “เป็นคนมีพลังงานเยอะ ในหนึ่งวันจะทำงานหลายอย่าง แตกไลน์ได้ไว แก้ไขได้เร็ว เพราะจะคิดทำอะไรตลอดเวลา ไม่อยู่นิ่ง”
เมื่อถามถึงหลักคิดในการทำงาน หมอเบียร์ นึกครู่หนึ่ง ก่อนเผย “ทำทุกอย่าง โดยไม่มีคำว่า ถ้า แต่ถ้ามันพลาดขึ้นมา เราก็จะทำใจได้ว่าเราทำดีที่สุดแล้ว จะไม่เสียใจ”
เกี่ยวกับธุรกิจหลายอย่างที่ทำอยู่ ณ วันนี้ ถือว่าประสบความสำเร็จหรือยัง หมอหนุ่มเจ้าของเรื่องราว ยิ้มกว้าง ก่อนเผยให้ฟังว่า “ทำตามความฝันได้แล้ว ตอนนี้มีอาคารพาณิชย์เป็นชื่อตัวเอง 6 ที่ มีรถซุปเปอร์คาร์ในฝัน หลังจากนี้จะทำบ้านพัก สไตล์พูลวิลล่า เป็นธุรกิจ และให้ตัวเองไว้ได้พักผ่อนด้วย”
ไล่เรียงเรื่องราวชีวิตของหมอเบียร์ ต้องยอมรับว่า มหาวิทยาลัยรังสิต นับเป็นส่วนหนึ่งที่หล่อหลอมและผลักดันให้เขามีวันนี้
“เป็นช่วงที่มีความสุขมาก อาจารย์ทุกท่านใส่ใจดูแลดี ม.รังสิต เป็นมหาวิทยาลัยเอกชนที่สามารถให้ความรู้นำไปประกอบอาชีพได้ไม่ต่างกัน อยากให้น้องๆ ถามตัวเองและมองเป้าหมายในอีก 10 ปีข้างหน้า อยากเป็นอะไร ซึ่งคณะเทคนิคการแพทย์ ม.รังสิต เป็นหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจ”
#https://learn-life.com/